
SMARTER ENERGY FOR SUSTAINABILITY
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ให้บริการพลังงานที่หลากหลายชั้นนำระดับนานาชาติ โดยมีการดำเนินงานใน 9 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย มองโกเลีย จีน สปป. ลาว ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม
เรามุ่งมั่นต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) และข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (UNGC) เพื่อตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเรา สำรวจเว็บไซต์ของเราเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความทุ่มเทของเราต่อความยั่งยืนและความพยายามอย่างต่อเนื่องในการสร้างผลกระทบเชิงบวก
ภาพรวมของผลการดำเนินงาน
อัตราการลดลงของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อหน่วยผลิตภัณฑ์
ธุรกิจไฟฟ้า ปี 2566
34 %
จำนวนเหตุการณ์การไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับ
0
ธุรกิจเหมือง ปี 2566
0.006
ปริมาณของเสียอันตรายที่นำไปกำจัดโดยตรงต่อหน่วยผลิตภัณฑ์
(กิโลกรัม/ตันถ่านหิน)

ระดับความผูกพันต่อองค์กรของพนักงาน
78 %
จำนวนพนักงานเสียชีวิตจากการทำงานเป็น
0

รายงานเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
บ้านปูจัดทำรายงานเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นประจำทุกปีเพื่อนำเสนอการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของบริษัทฯ ซึ่งครอบคลุมประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ
ข่าวและกิจกรรม
ชวนรู้จัก “วิถีประมงพื้นบ้าน” ของแทร่! กับ “คนทะเล” หนึ่งใน 3 กิจการเพื่อสังคม คว้ารางวัลชนะเลิศ BC4C ปีที่ 13 ย้ำแนวคิด “ชุมชนแกร่ง ไทยแกร่ง”
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลาย ร่วมกับ สถาบัน ChangeFusion โชว์ความสำเร็จโครงการ “พลังเปลี่ยนแปลงเพื่อสังคม” (Banpu Champions for Change: BC4C) ปีที่ 13 ผ่านกิจการ “คนทะเล” หนึ่งใน 3 สุดยอดโมเดลกิจการเพื่อสังคมที่คว้ารางวัลชนะเลิศ หลังใช้ “แพคเกจท่องเที่ยววิถีประมงพื้นบ้าน” เชื่อมโยงเครือข่ายชุมชนคนรุ่นใหม่ เปิดบ้านต้อนรับนักท่องเที่ยว สัมผัสวิถีประมงพื้นบ้าน พร้อมต่อยอดสร้างบ้านปลาแบบออร์แกนิคที่แรกของไทย ดึงสัตว์น้ำกลับชุมชนมากกว่า 3 เท่า
ดูเพิ่มเติมBanpu Chachoengsao and DMCR Unite to Launch the “Cooperation on Marine Debris Management at Estuaries” – Bang Pakong River Project on World Oceans Day
นายจิรเมธ อัชชะ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร – บริหารและพัฒนาองค์กร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) (คนที่ 5 จากทางซ้าย) ร่วมกับ นางสาวฉัตรประอร นิยม รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา (คนที่ 6 จากทางซ้าย) และ นางสาวชลาทิพ จันทร์ชมภู ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบนฝั่งตะวันออก (คนที่ 2 จากทางซ้าย) เปิดตัว “โครงการความร่วมมือในการจัดการขยะทะเล โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในบริเวณปากแม่น้ำ” พื้นที่แม่น้ำบางปะกง ในวันทะเลโลก เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ในการบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาขยะทะเลอย่างยั่งยืน นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาช่วยในการบริหารจัดการขยะทะเล ลดปริมาณขยะในแม่น้ำบางปะกงให้ได้ 30% ภายในระยะเวลาการดำเนินงานโครงการในปี พ.ศ. 2570 และสร้างมูลค่าเพิ่มจากการบริหารจัดการขยะเพื่อเป็นรายได้ของชุมชน ทั้งหมดนี้เพื่อสนับสนุนแผนแม่บทการจัดการขยะทะเลของประเทศให้เกิดผลสำเร็จ
ดูเพิ่มเติมบ้านปูส่งเสริมการเรียนรู้เรื่องยานยนต์ไฟฟ้า มอบบอร์ดเกม ‘EV City – ยานยนต์ไฟฟ้ามหานคร’ ให้แก่ 30 สถาบันการศึกษา
เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท บ้านปู (จำกัด) มหาชน ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ ได้ส่งมอบบอร์ดเกม “EV City – ยานยนต์ไฟฟ้ามหานคร” ให้แก่ 30 สถาบันการศึกษาทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้เรื่องอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าให้กับคนรุ่นใหม่ในรูปแบบที่สนุกสนานและสร้างสรรค์ผ่านบอร์ดเกม โดยเกม ‘EV City – ยานยนต์ไฟฟ้ามหานคร’ เป็นการนำผลงานของทีม TU Next นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ชนะการแข่งขันการประกวดบอร์ดเกมในโครงการ “Energy on Board by BANPU B-Sports Thailand 2021” ในหัวข้อ “Driving Thailand’s E-mobility” เดิน(บอร์ด)เกมขับเคลื่อนอนาคตยานยนต์ไฟฟ้าประเทศไทย มาพัฒนาต่อยอดร่วมกับบอร์ดเกมไนท์ (Board Game Night) หรือ BGN โดยได้นำเรื่องราวของการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ผู้คนให้ความสนใจ ถ่ายทอดออกมาในรูปแบบบอร์ดเกมที่สนุกสนานและเข้าใจง่าย
ดูเพิ่มเติมบ้านปูรับรางวัลเกียรติยศด้านความยั่งยืน “Sustainability Award of Honor” จากเวที SET Awards 2023
Home > News & Activities > Banpu Wins “Sustainability Award of Honor” from SET Awards 2023 Banpu Wins “Sustainability Award of Honor” from SET Awards 2023 27 November 2023 Banpu Public Company Limited, a leading international versatile energy provider, led by Ms. Wiyada Wiboonsirichai, Head of Global Internal Audit and Compliance (right), received the “Sustainability […]
ดูเพิ่มเติมCEO บ้านปู คว้ารางวัล “Female Executive of the Year” จากงาน Power & Energy Awards 2023
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ได้รับรางวัล “Female Executive of the Year” จาก Power & Energy Awards 2023 ภายในงาน Enlit Asia 2023 ซึ่งเป็นการจัดเสวนาและแสดงนิทรรศการด้านไฟฟ้าและพลังงานในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าอินโดนีเซีย (ICE) กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย รางวัลดังกล่าวนับเป็นรางวัลอันทรงเกียรติในธุรกิจพลังงานระดับภูมิภาคที่มอบให้กับผู้มีส่วนสำคัญในการวางแผนและพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่โดดเด่น เป็นผู้ขับเคลื่อนองค์กรสู่ความสำเร็จ สร้างการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตให้กับองค์กร
ดูเพิ่มเติมบ้านปู ติดอันดับ DJSI ต่อเนื่องปีที่ 11
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลาย ได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกในกลุ่มดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ หรือ Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 11 สะท้อนถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของบ้านปูในการดำเนินธุรกิจด้วยความมุ่งมั่นในการส่งมอบพลังงานที่ยั่งยืน และเพื่อตอบสนองความต้องการพลังงานโลกที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการปฏิบัติตามหลักความยั่งยืน ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ (ESG)<br><br>ในปีนี้ บ้านปูได้รับคะแนน DJSI สูงขึ้น โดยมีพัฒนาการที่โดดเด่นใน 3 ด้าน ได้แก่ การจัดการของเสียและมลสาร (Waste & Pollutants) ด้วยการปรับปรุงนโยบายการจัดการของเสียให้ครอบคลุมของเสียทุกประเภทในทุกธุรกิจ การประเมินประเด็นด้านความยั่งยืนที่สำคัญ (Materiality) ด้วยการสำรวจความคิดเห็นผู้มีส่วนได้เสียโดยบุคคลภายนอกอย่างต่อเนื่อง และการประเมินประเด็นสำคัญโดยพิจารณาผลกระทบใน 2 มิติ (Double Materiality) ได้แก่ ผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม และความโปร่งใสของการรายงาน (Transparency & Reporting) ด้วยการเปิดเผยข้อมูลผลการดำเนินงานที่เป็นไปตามการจำแนกและจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Sustainability Taxonomy) ในรายงานความยั่งยืนประจำปี 2566 ดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ หรือ DJSI เป็นดัชนีที่ใช้ประเมินประสิทธิผลการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของบริษัทชั้นนำระดับโลก เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ รวมทั้งเป็นดัชนีที่กองทุนต่างๆ จากทั่วโลกใช้เป็นเกณฑ์อ้างอิงในการพิจารณาการลงทุน เพื่อการสร้างผลตอบแทนที่ดีและยั่งยืนให้แก่นักลงทุน รวมถึงการสร้างคุณค่าระยะยาวให้แก่ผู้มีส่วนได้เสีย<br><br>ดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ หรือ DJSI เป็นดัชนีที่ใช้ประเมินประสิทธิผลการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของบริษัทชั้นนำระดับโลก เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ รวมทั้งเป็นดัชนีที่กองทุนต่าง ๆ จากทั่วโลกใช้เป็นเกณฑ์อ้างอิงในการพิจารณาการลงทุน เพื่อการสร้างผลตอบแทนที่ดีและยั่งยืนให้แก่นักลงทุน รวมถึงการสร้างคุณค่าระยะยาวให้แก่ผู้มีส่วนได้เสีย
ดูเพิ่มเติมบ้านปู ติดอันดับ DJSI ต่อเนื่องปีที่ 10 มุ่งส่งมอบ “อนาคตพลังงานเพื่อความยั่งยืน”
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ ได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกในกลุ่มดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ หรือ Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) ระดับโลกต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบ้านปูในการส่งมอบ “อนาคตพลังงานเพื่อความยั่งยืน” เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของผู้คน ผ่านการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนครอบคลุม 3 มิติ ทั้งสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ (ESG) ควบคู่กับการพัฒนาธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ Greener & Smarter
ดูเพิ่มเติมบ้านปู เผยกลยุทธ์ขับเคลื่อนการเติบโต เพื่อส่งมอบพลังงานที่สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้แก่ผู้คนอย่างยั่งยืน
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) จัดเสวนา “เสริมทัพขับเคลื่อนบ้านปู เพื่อส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน” เปิดเผยวิสัยทัศน์และแนวทางการดำเนินงานของหน่วยงานสำคัญ (Key Enabler Units) ที่มีส่วนขับเคลื่อนธุรกิจสู่เป้าหมายการเติบโตอย่างยั่งยืนตลอดเส้นทางธุรกิจที่ผ่านมา พร้อมสนับสนุนความสำเร็จการเปลี่ยนผ่านทางธุรกิจ เพื่อตอบโจทย์เทรนด์พลังงานควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับผู้คน (Power the better living for all)
ดูเพิ่มเติมโครงการที่สำคัญ
Environment Project
โครงการลดการใช้พลังงานจากการขนส่งถ่านหินในอินโดนีเซีย
เพื่อสอบตนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย ในบางครั้งบริษัทฯ จำเป็นต้องผสมถ่านหินของบริษัทฯ กับถ่านหินที่จัดหาจากบุคคลที่สามที่มีค่าความร้อนต่ำ อย่างไรก็ตามถ่านหินประเภทนี้มักก่อให้เกิดการอุดตันภายในระบบสายพานขนส่งถ่านหินโดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูฝน ส่งผลให้การลำเลียงถ่านหินต้องหยุดชะงักเพื่อการทำความสะอาด ทั้งนี้การแก้ไขปัญหาการอุดตันใช้วิธีการฉีดน้ำแรงดันสูงด้วยแรงงานคน ทำให้ขีดความสามารถในการดำเนินการมีข้อจำกัด<br><br>เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างยั่งยืน ท่าเรือบอนตังในอินโดนีเซียได้พัฒนานวัตกรรมการติดตั้งระบบปืนอัดอากาศเพื่อเป่าถ่านหินที่สะสมแบบอัตโนมัติ โดยนับตั้งแต่เริ่มดำเนินการในเดือนมีนาคม 2565 มีผลการดำเนินงาน ดังนี้<br>• ลดระยะเวลาในการทำความสะอาดเนื่องจากการอุดตันของถ่านหินลงร้อยละ 80<br>• เพิ่มอัตราการโหลดถ่านหินร้อยละ 5<br>• ลดการใช้พลังงาน 538 เมกะวัตต์-ชั่วโมงต่อปี ซึ่งส่งผลให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ราว 125 ตัน CO2e ต่อปี<br><br>การใช้ระบบปืนอัดอากาศนับเป็นหนึ่งในตัวอย่างของการใช้นวัตกรรมเพื่อแก้ไขความท้าทายในการดำเนินงานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในเวลาเดียวกัน
ดูเพิ่มเติมSocial Project
โครงการรณรงค์สร้างพฤติกรรมความปลอดภัยในจีน
ปี 2566 โรงไฟฟ้าโจวผิงในจีน ดำเนินโครงการ “ความปลอดภัยเป็นความรับผิดชอบของฉัน” หรือ “My Safety My Responsibility” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินโครงการรณรงค์สร้างพฤติกรรมความปลอดภัยโดยการมีส่วนร่วมของพนักงานทุกระดับ ทั้งนี้หนึ่งในขั้นตอนสำคัญของโครงการ คือการสังเกตพฤติกรรมของพนักงาน โดยพฤติกรรมของพนักงานจะถูกบันทึกไว้ในรูปแบบรายงานการสังเกตความปลอดภัย โดยมีคำแนะนำเพื่อปรับปรุงเป็นการเฉพาะเจาะจง<br><br>โรงไฟฟ้ามีการวัดประสิทธิภาพของโครงการผ่านการเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลในรายงานการสังเกตความปลอดภัย โดยในปี 2566 จำนวนรายงานสังเกตความปลอดภัยที่ได้รับมีทั้งสิ้น 320 ฉบับ ซึ่งสูงกว่าปี 2565 ที่มีเพียง 142 ฉบับ หรือมากขึ้นกว่าเท่าตัว ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าได้ฉลองความสำเร็จโดยให้รางวัลแก่พนักงาน เช่น รางวัลรายงานพฤติกรรมไม่ปลอดภัยดีเด่น รางวัลรายงานการตรวจสอบความปลอดภัยประจำเดือนยอดเยี่ยม รางวัลรายงานการตรวจสอบความปลอดภัยประจำปียอดเยี่ยม และรางวัลทีมความปลอดภัยยอดเยี่ยม
ดูเพิ่มเติมGovernance Project
การนำ AI มาใช้ในธุรกิจซื้อขายพลังงานในออสเตรเลีย
บริษัทฯ ได้จัดตั้งทีมงานเพื่อพัฒนาการนำ AI มาใช้ปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงานของธุรกิจซื้อขายพลังงานในออสเตรเลีย รวมถึงความเป็นไปได้ในของนำแบตเตอรี่มาใช้กักเก็บพลังงานในอนาคต ภายใต้เป้าหมาย 2 ประการ ได้แก่<br><br>• คาดการณ์ราคาขายไฟฟ้า เพื่อประเมินขนาดของแบตเตอรี่ที่จะนำมาใช้กักเก็บพลังงานให้เหมาะสม<br>• ประเมินความผิดปกติของราคาไฟฟ้า เพื่อการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ<br><br>จากการทดลองนำ AI มาใช้กับข้อมูลย้อนหลัง 22 เดือน ทำให้บริษัทฯ มั่นใจในความสามารถของ AI ว่าจะสร้างโอกาสในการสร้างกำไรกว่า 4.6 ล้านเหรียญออสเตรเลีย โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการประเมินการลงทุนในการนำแบตเตอรี่มาใช้งานจริง
ดูเพิ่มเติมEnvironment Project
การประเมินความเสี่ยงในการขาดแคลนน้ำ
บริษัทฯ ได้ประเมินความเสี่ยงด้านน้ำในแต่ละพื้นที่ตั้งหน่วยธุรกิจ (Water-stressed area) เป็นประจำทุกปีด้วยเครื่องมือ Aqueduct Water Risk Atlas ของ World Resource Institute เพื่อให้เข้าใจความเสี่ยงเฉพาะของแต่ละพื้นที่และสามารถปรับแผนการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ให้สอดคล้องกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการขาดแคลนน้ำ เพื่อให้มั่นใจว่าการใช้น้ำเป็นไปอย่างยั่งยืน และไม่ส่งผลกระทบในทางลบต่อชุมชนท้องถิ่นและสิ่งแวดล้อม
ดูเพิ่มเติมEnvironment Project
IUCN Red List
บริษัทฯ มีการสำรวจชนิดพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่โดยรอบหน่วยธุรกิจเป็นประจำทุกปี พร้อมทั้งประเมินระดับของภัยคุกคามที่ชนิดพันธุ์เหล่านี้อาจเผชิญ โดยอ้างอิงกับชนิดพันธุ์ที่ปรากฏอยู่ใน IUCN Red List เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวมาจัดทำแผนการบริหารจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อลดผลกระทบของการดำเนินงานที่มีต่อสัตว์ป่าและระบบนิเวศในท้องถิ่น
ดูเพิ่มเติมEnvironment Project
โครงการ Pad of the Future
BKV ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในสหรัฐฯ ได้ริเริ่มโครงการ Pad of the Future ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินงานของแหล่งก๊าซ NEPA และ Barnett โครงการนี้เริ่มต้นในปี 2564 โดย BKV ลงทุนในเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ผ่านยุทธศาสตร์ 4 ด้านหลัก ได้แก่<br>• การเปลี่ยนตัวควบคุมจากเดิมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติไปใช้ระบบอัดอากาศ (Pneumatic conversion) ในฐานผลิตที่ใช้ไฟฟ้าเป็นพลังงานหลัก<br><br>• การเปลี่ยนหลุมเจาะเป็นระบบไฟฟ้าในฐานผลิตที่สามารถดำเนินการได้ และเพิ่มการใช้พลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์<br><br>• การควบรวมฐานการผลิต เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากเครื่องจักรในฐานผลิตที่มีอายุการใช้งานยาวนาน<br><br>• การลดการเก็บของเหลวควบแน่นและน้ำมันในฐานผลิตให้น้อยที่สุด โดยการขนส่งของเหลวดังกล่าวไปบริหารจัดการที่สถานีกลาง<br><br>ด้วยเงินลงทุนคาดการณ์ประมาณ 35-40 ล้านเหรียญสหรัฐ BKV คาดว่าจะสามารถดำเนินการปรับปรุงหลุมเจาะมากกว่า 6,000 แห่งแล้วเสร็จ ภายในปี 2568 ทั้งนี้นับตั้งแต่เริ่มดำเนินโครงการ BKV สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 515,000 ตัน CO2e ในปี 2566 และคาดว่าจะลดได้ถึง 777,000 ตัน CO2e ภายในปี 2568
ดูเพิ่มเติมEnvironment Project
โครงการ GREENCODE
ITM ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในอินโดนีเซีย ประสบปัญหาด้านความถูกต้องและครบถ้วนของข้อมูลการกักเก็บคาร์บอน (Carbon stock data) จากกระบวนการฟื้นฟูพื้นที่เหมือง เนื่องจากการเก็บรวบรวมข้อมูลดำเนินการด้วยคนและขาดมาตรฐานอ้างอิง ส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล<br><br>เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ITM ได้ริเริ่มโครงการ GREENCODE ซึ่งเป็นทั้งระบบจัดเก็บข้อมูลการกักเก็บคาร์บอนและระบบแสดงผลข้อมูล ที่ออกแบบมาเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและแม่นยำ โครงการนี้เริ่มดำเนินการที่เหมืองเอมบาลุตและเหมืองโจ-ร่ง<br><br>การนำ GREENCODE มาใช้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการติดตามความคืบหน้าของการฟื้นฟูพื้นที่เหมือง นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแก่พนักงาน ทั้งนี้จากการดำเนินโครงการ ITM สามารถลดระยะเวลาในการปรับปรุงข้อมูลการกักเก็บคาร์บอน คิดเป็นมูลค่า 36,746 เหรียญสหรัฐต่อปี รวมทั้งยังช่วยลดภาระภาษีคาร์บอนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และทำให้มั่นใจว่าการฟื้นฟูเหมืองเป็นไปตามข้อกำหนดของภาครัฐ
ดูเพิ่มเติมEnvironment Project
โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบบำบัดน้ำในจีน
โรงไฟฟ้าโจวผิงต้องเผชิญกับความท้าทายอันเนื่องมาจากการใช้น้ำสำหรับกระบวนการผลิตไอน้ำในปริมาณมาก รวมถึงปัญหาแบคทีเรียในน้ำดิบที่ส่งผลให้ไส้กรองในระบบบำบัดน้ำอุดตัน อันนำมาซึ่งความสามารถในการบําบัดน้ำที่ลดลงถึงร้อยละ 15<br><br>เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว บริษัทฯ ริเริ่มโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบบำบัดน้ำ ซึ่งประกอบด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้สารเคมีและการขยายท่อระบายน้ำออก โดยบริษัทฯ ดำเนินการวิจัยเพื่อค้นหาสารเคมีที่เหมาะสมสำหรับการบําบัดน้ำและระบบบำบัดทางเลือกที่จะสามารถนำมาใช้ทดแทนระบบกำจัดฟลูออไรด์ <br><br>จากการดำเนินโครงการส่งผลให้ประสิทธิภาพในการบำบัดน้ำเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ตัวอย่างเช่น<br>· เพิ่มประสิทธิภาพของระบบ Reverse osmosis จากร้อยละ 71 เป็นร้อยละ 73<br>· ขยายระยะเวลาในการบำรุงรักษาระบบ Reverse osmosis จาก 10 วันเป็น 50 วัน<br>· เพิ่มอายุการใช้งานของไส้กรองจาก 4 ปี เป็น 8 ปี<br>· ประหยัดน้ำดิบได้ประมาณ 56,000 ตัน<br>· ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและการซ่อมบำรุง 120,000 เหรียญสหรัฐ และค่าใช้จ่ายอุปกรณ์สำหรับระบบกำจัดฟลูออไรด์ 370,000 เหรียญสหรัฐ
ดูเพิ่มเติมEnvironment Project
การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการถ่านหินในอินโดนีเซีย
การหกรั่วไหลของถ่านหินจากกระบวนการขนถ่ายขึ้นเรือถือเป็นประเด็นสำคัญของท่าเรือขนถ่ายถ่านหินบอนตังในอินโดนีเซีย ที่ไม่เพียงเกี่ยวข้องกับความสะอาดในพื้นที่ปฏิบัติงานเท่านั้น แต่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมต่อชุมชนโดยรอบ เพื่อรับมือกับประเด็นดังกล่าวบริษัทฯ ได้เริ่มโครงการนำถ่านหินที่หกรั่วไหลกลับมาใช้ใหม่ โดยการผสมถ่านหินที่หกรั่วไหลกลับเข้าไปในกระบวนการขนส่ง<br><br>โครงการนี้เริ่มต้นจากการเก็บรวบรวมข้อมูล เพื่อให้มั่นใจว่าการนำถ่านหินที่หกรั่วไหลมาผสมกับถ่านหินเพื่อส่งมอบให้ลูกค้านั้นไม่ส่งกระทบต่อคุณภาพของถ่านหิน ทั้งนี้การดำเนินการดังกล่าวช่วยลดปริมาณถ่านหินที่หกรั่วไหลได้ถึง 4,386 ตันต่อปี นอกจากนี้ยังช่วยลดการปล่อยฝุ่นละออง และการปนเปื้อนฝุ่นในดินและน้ำ อันอาจนำมาซึ่งข้อร้องเรียนจากชุมชน โครงการนี้ช่วยเพิ่มรายได้จากถ่านหิน 477,850 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี รวมถึงลดค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการจัดการถ่านหินที่รั่วไหลได้ 15,052 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี
ดูเพิ่มเติมEnvironment Project
การบริหารจัดการในกรณีเกิดรอยร้าวอันเนื่องมาจากการทรุดตัวของดิน
การทรุดตัวของดินอันเนื่องมาจากการทำเหมืองเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญของการทำเหมืองใต้ดิน เนื่องจากอาจก่อให้เกิดความเสียหายกับที่อยู่อาศัยหรือสิ่งก่อสร้างในพื้นที่ใกล้เคียงได้ เพื่อลดและป้องกันความเสี่ยงดังกล่าว บริษัทฯ ได้ดำเนินการเชิงรุกโดยมีการประเมินความเสี่ยงและผลกระทบของการทรุดตัวของดิน ประกอบกับจัดทำแผน Point Hatteras Extraction โดยใช้แบบจำลองที่ซับซ้อนเพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดรอยร้าวให้เหลือน้อยที่สุด นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการติดตั้งสถานีตรวจวัดการเคลื่อนตัวของดินเพื่อเฝ้าระวังเหตุการทรุดตัวของดินว่ายังอยู่ภายใต้ขอบเขตที่ได้รับอนุญาตและไม่เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน
ดูเพิ่มเติมรางวัลแห่งความยั่งยืน





